13 พันล้านดอลลาร์หนีหุ้น

**การถอนตัวครั้งใหญ่: เงินไหลออก 13 พันล้านดอลลาร์
ไม่ใช่ทุกสัปดาห์ที่เราเห็น Wall Street เริ่มเครียด การถอนเงินออกจากตลาดหุ้นสหรัฐจำนวน 13 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงเจ็ดวัน เป็นอัตราการไหลออกเร็วที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2023 โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากช่วงโควิด-19 ก็ยังไม่เท่ากับครั้งนี้
และใช่แล้ว มันเกิดขึ้น หลัง จากที่ S&P 500 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี—เพราะอะไรถึงเกิดแบบนี้?
ความกลัวระหว่างกำไร: เรื่องจริงที่ขัดแย้งกับความเป็นไปได้
เราเคยเห็นแบบนี้มาก่อน—ตลาดขาขึ้นที่รู้สึกเหมือนจะคงอยู่ได้นานเกินไป ส่วน S&P 500 พุ่งจากจุดต่ำในเดือนเมษายน จากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า และตอนนี้อยู่ใกล้มูลค่าสูงสุดตั้งแต่มิถุนาคม 2024
แต่มีจุดเปลี่ยน: ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง momentum traders และโมเดลคณิตศาสตร์เริ่มขายทำกำไรแล้ว เพราะเครื่องหมายเตือน ‘ซื้อมากเกินไป’ (overbought) เริ่มกระพริบบนหลายช่องทาง เช่น RSI สูงกว่าระดับ 75, การเบรกของปริมาณการซื้อขาย, และอัตราการซื้อขาย Put-Call เพิ่มขึ้น
ในฐานะผู้วิเคราะห์ที่สร้างโมเดลดự đoánจากข้อมูลเชิงพฤติกรรม (รวมถึงตลาดแบบดั้งเดิม) ผมมองว่านี่คือการขายทำกำไรตามปกติผสมกับความระมัดระวังใหม่ ๆ
ใครเป็นคนขาย? และทำไมตอนนี้?
การขายไม่ใช่มากจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง—แต่มีหลากหลายกลุ่มนักลงทุนมีแนวโน้มลดพอร์ต:
- สถาบันลงทุน: เรียงลำดับพอร์ตก่อนช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง
- ผู้ลงทุนมือสมัครเล่น: เฉพาะเมื่อได้อ่านข่าวเกี่ยวกับดอกเบี้ยหรือเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้น
- กองทุนอนุมาน (Hedge funds): เคลียร์ตำแหน่งซื้อระยะยาวแบบใช้ง่ายเนื่องจากราคาพุ่งแรง
ไมใช่อารมณ์หวาดกลัวโดยปราศเหตุผล—แต่มันเป็นการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และแม้ว่าจะไม่มีคำเตือนภัยใดๆ ก็ตาม มันยังสร้างวงจรสะท้อน: การขายมาก →ราคาตก →กลัวมาก →ขายเพิ่ม
และขอชี้แจงให้มีความชัดเจนครับ ผมไม่ได้วางแผนให้มี ‘วิกฤต’ มาถึง—but I do believe that ‘sentiment’ (อารมณ์ตลาด) มีผลมากกว่าแค่มูลค่าพื้นฐาน—and sentiment is shifting fast.
ข้อมูลซ่อนเร้นเบื้องหลังภาพรวม
ผมจะหยิบเครื่องมือประจำใจมาตรวจสอบ: สคริต Python อ่านรายงาน BofA client flows โดยตรงผ่าน API จากการตรวจสอบเพิ่มเติมกับ Bloomberg Terminal — สัญญาณเดียวกันปรากฏบนแพลตฟอร์มหาศาล:
- การถือเงินสดเพิ่ม +6% ในหนึ่งสัปดาห์
- การกระจายพอร์ตกาญจนภูธรลดลง -4% เป็นเวลาสองอาทิตย์ซ้อน
หมายความว่า คนเหล่านี้ไม่วางเงินไว้อยู่ในพันธบัตรหรือคริปโต—they are sitting on cash, waiting forแสงสว่าง clarity. เป็นอาการคลาสสิกของ “ความไม่มแน่นอน” —ไมใช่วิกฤตเศรษฐกิจ!
และใช่นะ ผมทราบว่าคำพูดนี้ฟังเหมือนคำโฆษณาบรอดแบ๊нд…แต่อย่าลืมนะ เมื่อคุณสร้างระบบคาดการณ์ภาวะผิดปกติด้านเสถียรภาพโดยอาศัยพฤติตามพฤติตามระดับเล็ก ๆ…คุณจะเรียนรู้ว่า “Pattern” (รูปแบบ) มีพลังกว่า “Noise” (เสียง杂)
P.S.: การจि�บชา Earl Grey ในตอนบ่ายของผมถูกทำลายโดยรายงานฉบับ này เพราะอะไรจะบอก ‘เปลี่ยนมุมมอง’ ในตลาดได้นอกจากชาเย็นๆ กับภาพเงินสดไหลออก?
ZeroGwei
ความคิดเห็นยอดนิยม (3)

So Wall Street’s sweating after the S&P 500 just had its best quarter since 2023? Classic. I’ve seen this movie—bull market feels too good, so everyone starts selling like it’s Black Friday at the exit door.
$13B fled in a week? Yep. Institutional investors rebalancing, retail traders panicking over rate hikes, hedge funds unwinding leverage. Not panic—just disciplined risk management… or as I call it: ‘tea time strategy’.
My afternoon Earl Grey got cold watching capital flee. Anybody else feel that chill?
Drop your favorite cash-holding meme below 👇

Wah, $13 miliar kabur dari saham AS dalam seminggu? Jadi kayak orang lari dari hujan tapi bawa payung… padahal cuma gerimis! 🌧️
Saya lihat sendiri: pasar naik kencang tapi investor malah ngumpulin uang tunai kayak lagi menunggu promo diskon besar.
Bukan panik—tapi justru strategi risk management ala pro. Tapi siapa tahu… mungkin mereka lagi nunggu harga crypto turun biar beli di bawah?
Kamu pilih main saham atau nunggu harga Bitcoin turun dulu? 😏

13 tỷ bay hơi trong một tuần? Mình tui cà phê chiều mà thấy cả phố Wall đổ tiền như nước mắt! Cái gì đây? Không phải hoảng loạn — là đang cân bằng lại danh mục đầu tư như… sắp sửa pha lê! RSI lên 75 rồi mà vẫn ngồi chờ clarity — ai mà tin được cái này? Đừng lo lắng — mình chỉ đang phân tích dữ liệu thôi. Bạn có muốn thử không? 😉