กฎคริปโตทั่วโลก

การแบ่งแยกทางกฎหมายใหญ่

ฉันใช้เวลาห้าปีวิเคราะห์โปรเจกต์บล็อกเชนจากห้องแล็บ MIT ไปจนถึงพื้นที่ทดลองในดูไบ และสิ่งที่ชัดเจนคือไม่มีกฎระเบียบทั่วโลก—มีเพียง 20 พื้นที่ต่างกันที่มีกฎหมายของตนเอง การปล่อยโทเค็นในสวิตเซอร์แลนด์อาจกลายเป็นการแช่แข็งแพลตฟอร์มในซาอุดีอาระเบีย เพราะขัดกับหลักการทางศาสนา

เหตุผลสำคัญตอนนี้

อย่าเข้าใจผิด: หากคุณสร้างหรือลงทุนคริปโตโดยไม่รู้ว่าทรัพย์สินของคุณถูกยอมรับตามกฎหมายที่ไหน จะเหมือนเล่นเกมเสี่ยงโชคโดยเสียพอร์ตการลงทุนทั้งหมด สหรัฐฯ ไม่มีกฎหมายกลางแต่ BitLicense จาก NYDFS ก็สามารถปิดบริษัทได้ภายในคืนเดียว ส่วน EU’s MiCA เริ่มใช้งานแล้ว โดยกำหนดให้ stablecoin มีหลักประกันเต็ม และระบบร่องรอยการทำธุรกรรมครบถ้วน

และแม้ว่า Tether (USDT) จะถูกถอนออกจาก Coinbase และ Binance ในยุโรปเพราะไม่ผ่านเกณฑ์ MiCA ก็ตาม แต่นั่นมันไม่ใช่ว่าจะควบคุม—มันคือธรรมชาติของการตลาด

ฮ่องกงเทียบจีน: อีกสองโลกบนเกาะเดียวกัน

ประหลาดใจมาก: พื้นแผ่นดินใหญ่มองคริปโตเป็นเรื่องผิดกฎหมายและอาจโดนจำคุก แต่ฮ่องกงกลับเปิด ETF Bitcoin และ Ethereum ในปี 2024 และอนุมัติโบรกเกอร์ให้มอบบริการแก่นักลงทุนรายย่อยได้อย่างเป็นทางการ

ทำไม? เพราะฮ่องกงอยากเป็นศูนย์กลาง DeFi ในเอเชีย—not เป็นหลุมดำดิจิทัลของจีน

เหมือนมีสองเวอร์ชันของความจริงบนคาบสมุทรเดียวกัน และเพราะความแตกแยกแบบนี้ เงินไหลขึ้นเหนือไปทางประตูควบคุม —ซึ่งเป๊กก๊อกอยากหลีกเลี่ยง…แต่มากกว่านั้นมันหยุดไม่อยู่

การเปลี่ยนแปลงตะวันออกกลาง: จากแบนมายังแผนงาน?

ซาอุดีอาระเบียเคยเรียกว่าคริปโตเป็น ฮาราม —แต่วันนี้พวกเขาดำเนินโครงการ CBDC กับ UAE ในโครงการ ‘Aber’ และเข้าร่วม mBridge เพื่อสนับสนุนโยบาย Vision 2030 currently, Dubai มี VARA —หน่วยงานกำกับดูแลเสมือนจริงเข้มข้นมากนอกภูมิภาคยุโรป—with การตรวจสอบรายเดือนสำหรับผลิตภัณฑ์ซื้อขายโดยใช้เลเวอเรจ…เฉพาะสถาบันเท่านั้น currently, Bahrain มีโมเดลกำกับดูแลครบวงจรพร้อมระดับใบอนุญาตสี่ระดับตามความเสี่ยง การขออนุมัติต้อง “ทำคะแนน” โดยเงินกองกลางและความทนทานภายใต้อาการกดดัน ภูมิภาคนี้ไม่ได้มองหาการแบนมานำเสนอเทคโนโลยี—พวกเขากำลังใช้อำนาจในการกำกับให้กลายเป็นประโยชน์แข่งขัน

อินเดีย & อินโดนีเซีย: การเปลี่ยนคราวช้า?

อินเดียมองหากรอบกฎหมายรวมฉบับสมบูรณ์แต่อังคาร FSC เพิ่งประกาศกฎใหม่ว่าให้นักดำเนินงาน VASPลงทะเบียนภายใต้อาณาเขต AML โดยไม่มีเสรียงลอยเลย; เอกสารปฏิบัติตามมาก่อนเสมอ

currently, อินโดนีเซียมองเห็นโอกาสใหญ่อื่นคราวหนึ่ง: เปลี่ยนมือกำกับจาก Bappebti (ฟืวเจอรัวสัญญา) มา OJK (บริหารงานทางการเงิน) —หมายความว่ากฎเกณฑ์เงินกองกลางเข้มข้นขึ้นคร่าวๆ1,000 พันล้าน IDR—and alignment กับมาตรฐาน FATF เร็วๆ หน้าเรื่อยๆ มกราคม 2025

does this mean Indonesia will become gateway financial for Web3 startups in Southeast Asia? Possibly—but only if they actually enforce it beyond paper promises.

ส่วนสำคัญแท้จริง: มันไม่มากกว่า “ความเสี่ยง” — มันคือ “ความกระจัดกระจาย”

The biggest threat isn’t scams or rug pulls—it’s regulatory arbitrage at scale. A startup can register in Malta under MiCA rules then operate globally while avoiding harsher scrutiny elsewhere. Or use Singapore as a launchpad before moving operations offshore after DTSP reforms tightened licensing criteria last year. We’re not seeing convergence—we’re seeing strategic evasion loops across borders that favor deep-pocketed players over solo devs or small studios trying to innovate responsibly. crypto shouldn’t be a game where geography decides legality—or survival.