เมื่อ ‘แบนด์วิดท์ไม่จำกัด’ ชนกำแพง

ในฐานะที่เคยออกแบบโปรโตคอล DeFi ในช่วงเหตุการณ์ดำหงอกของคริปโต ขอบอกเลยว่า ไม่มีอะไรทำลายบล็อกเชนได้เร็วกว่าความสำเร็จของมันเอง การแจกโทเคน EIDOS ที่เป็นการทดลองแจกจ่ายโทเคนอันชาญฉลาด ได้เปลี่ยน EOS ให้กลายเป็นเหมือนช่วงเวลารถติดใน LA ด้วยการใช้ทรัพยากร CPU ถึง 77.76% โดยสัญญาเดียว (ข้อมูลจาก DAppTotal) แม้แต่ธุรกรรมพื้นฐานก็ต้องใช้กลยุทธ์ค่าธรรมเนียมเหมือนกับ ETH

การแตกหักครั้งใหญ่ของ REX

Resource Exchange (REX) ที่ควรจะทำให้การเข้าถึง CPU เป็นประชาธิปไตย ล่มสลายภายใต้สิ่งที่ BM เรียกว่า “ความเป็นจริงของการกระจาย Pareto”—ซึ่งหมายถึง “ปลาวาฬดูดทรัพยากรจนหมด” ประสบการณ์ช่วงทำงานด้านปริมาณที่ JPMorgan ทำให้ผมรู้ความจริงข้อนี้: ระบบใดก็ตามที่สมมติการกระจายตัวปกติจะถูกทำลายโดยกฎกำลัง เมื่อผู้ใช้แรกๆ ถอน EOS ที่พวกเขาลงทุนออกจาก REX ผู้ใช้ที่เหลือต้องเผชิญกับค่าเช่าที่พุ่งสูงสุด โอ๊ะ

การรีบูตครั้งใหญ่ของ BM: จากความเป็นเจ้าสู่ระบบรวมทรัพยากร

การแก้ไขที่เสนอคือยกเลิกการ staking แบบเดิมและแทนที่ด้วย ตลาดค่าเช่าแบบไดนามิก:

• การกำหนดราคาแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล: ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อการใช้เครือข่ายเกิน 10% (ดูกราฟสวยๆ ของ BM)
• ค่าเช่า 30 วัน: คงที่ราคาด้วยการคำนวณความต้องการเฉลี่ยตามเวลา
• ไม่มี ‘เจ้าของ CPU’ อีกต่อไป: EOS ที่คุณ stake จะให้ผลตอบแทนแต่ไม่รับประกันทรัพยากรคงที่

มันคือตรรกะของคลาวด์คอมพิวติ้งที่นำมาใช้กับบล็อกเชน—จ่ายตามการใช้พร้อมราคาที่ปรับตามความต้องการ ในฐานะทั้ง CFA และโปรแกรมเมอร์ ผมชื่นชมความงามของมัน แต่มันจะได้ผลไหม?

ความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรม Silicon Valley กับ Crypto

นี่คือจุดที่มุมมองแบบผสมระหว่างตะวันออกและตะวันตกของผมเข้ามา: การแก้ไขของ BM สมมติว่าผู้ใช้ที่มีเหตุผลจะยอมรับประโยชน์ชั่วคราว แต่ชาว Crypto นั้นชอบ เป็นเจ้าของ ทรัพยากร (ดูผู้ถือ Bitcoin HODLers) การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับการที่ AWS ทำลายเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร—แต่มีความผันผวนเพิ่มเติมจากการแกว่งตัวของราคา EOS แผนการเปลี่ยนแปลง (“ระยะเวลาถอยหลัง 1 ปีของโมเดลเก่า”) ดู optimistic เนื่องจากความเร็วของการกำกับดูแล Crypto

เคล็ดลับสำหรับนักพัฒนา: หาก EarnBetCasino ถอยออกไป นั่นคือความสูญเสียของพวกเขา ผู้สร้างที่อยู่รอดจากการทดสอบความเครียดนี้จะได้รับ EOS ที่แข็งแกร่งขึ้น”